ภาวะการเป็นผู้นำ

1. ภาวะผู้นา(Leadership)
เนื้อหา : 1. ภาวะผู้นาและบทบาทภาวะผู้นา
2. จิตวิทยาการครองคนครองงาน,ผู้นากับการ
สื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ,จิตวิทยาการจูงใจ
3. ผู้นากับการบริหารทีมงาน, การประเมิน
ศักยภาพทีมงาน

2. Slide Title
:
1. ภาวะผู้นาและบทบาทภาวะผู้นา
• ภาวะผู้นา (Leadership) คือ “การสร้างอิทธิพลต่อบุคลากรเพื่อให้
เขาได้กระตือรือร้นที่จะบรรลุเป้ าหมายของกลุ่ม”
• ในหลายกรณีบุคคลปฏิบัติงานโดยใช้ศักยภาพ 60% โดยไม่ได้ใช้ภาวะ
ผู้นาเลย
• ดังนั้นผู้บริหารสามารถภาวะผู้นาที่ดีเพียง 40%

3. มิติของการจัดการ (The 2 dimension of
management
• มิติเน้นผลผลิต หรือเน้นงาน “concern for
production” หรือมิติเน้นโครงสร้างงาน (initiating
structure)
มิติเน้นคน “concern for people” หรือมิติการใส่ใจคน
(consideration)

4. ลีลาผู้นา (Leadership Style)
• ผู้นาแบบอัตตาธิปไตย (Autocratic leader)
• ผู้นาแบบตามสบาย (Laisez-fare leader)
• ผู้นาแบบเผด็จการแบบมีศิลป์ (Benevolent leader)
• ผู้นาแบบทีมงาน (Team leader)
ภาวะผู้นาแบบใหนที่ดีที่สุด
ผู้นาแบบ 9,9
ผู้นาแบบ 9,0
ผู้นาแบบ 5,5
ผู้นาแบบ 0,9
ผู้นาแบ 0,0

5. ข้อเสียลีลาผู้นาแบบตามสบาย
• ผู้นาแบบตามสบาย
• - ปลีกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว
• - มองบทบาทในฐานะเหมือนบุรุษไปรษณีย์
• - ให้คนอื่นตัดสินใจแทน
• - โยนความรับผิดชอบให้กับทีมงานหรือหน่วยงาน
• ข้อเสียลีลาผู้นาแบบเผด็จการ
• - ขาดความยืดหยุ่น
• - ควบคุมและสั่งการ
• - ใช้ไม้แข็ง
• - เน้นผลผลิต หรือผลงาน

6. ข้อเสียลีลาผู้นาแบบเผด็จการแบบมีศิลป์
(Benevolent Autocrat leader)
• - เน้นคนมาก, ส่งเสริมบุคคล
• - จัดองค์การโดยเน้นคนอยู่รอบข้าง
• - ใช้วิธีแบบ “พ่อปกครองลูก”
• - บรรยากาศเป็นแบบสโมสร ,ไม่มุ่งการแข่งขัน
• ข้อเสียลีลาผู้นาแบบทีมงาน (Team leader)
• - เน้นความสมดุลระหว่างเน้นคนกับงาน
• - เน้นสร้างทีมงานบุคลากร
• - ทีมงานเน้นการมีส่วนร่วมของลูกน้อง
• - องค์การเหมือนพาหาในการดาเนินงานตามแผน

7. ผลของลีลาผู้นาแบบต่าง ๆ
• ผู้นาแบบตามสบาย : เป็นการจัดการที่ผิดพลาดล้มเหลว, มี
ผลผลิตที่ต่ามาก
• ผู้นาแบบเผด็จการ: เป็นแบบวิธีของฉัน, เหมือนทางด่วน
• ผู้นาแบบสโมสร: บรรลุความสาเร็จต่า, คนดีลาออก
• ผู้นาแบบทีมงาน: เป็นผู้บริหารที่ดี, มีผลผลิตสูง, มีความ
ร่วมมือ, คนลาออกงานต่า, มีความผูกพันในตัวบุคลากร

8. บทบาทและหน้าที่ของผู้นา
• ประเภทของผู้นา
• - ผู้นาการเมือง
• - ผู้นาสหภาพแรงงาน
• - ผู้นาสังคม
• - ผู้นาศาสนา
• - ผู้นาการกีฬา
• - ผู้นาองค์การ
• - ผู้นาครอบครัว

9. ความแตกต่างระหว่างผู้นา(leader)กับเจ้านาย (Boss)
• เจ้านาย ผู้นา
• 1. บอกงานที่ทา 1. บอกเหตุผลในการทา,และทา
• อย่างไร?
• 2. ขึ้นอยู่กับอานาจหน้าที่ 2. ขึ้นอยู่กับค่านิยม
• 3. ขับเคลื่อนบุคลการ 3. สร้างแรงดลใจกับบุคลากร
• 4. มอบหมายความรับผิดชอบ 4. มอบอานาจหน้าที่เท่านั้น
• 5. แสดงบุคคลที่ทาผิด 5. แสดงว่าอะไรมันผิดพลาด
• 6. ต้องการให้คนเคารพเชื่อฟัง 6.สั่งการด้วยความเคารพ
• 7. เน้นผลผลิต 7. เน้นคน
• 8. บ่นความล้มเหลวของคนอื่น 8. ให้เครดิตกับคนทางานทุกคน
• 9. เชื่อใน “ตัวเอง” 9. เชื่อใน “พวกเรา”

10. หน้าที่ของผู้นา
• บทบาทของผู้นา
• ก. พัฒนาตัวบุคคล
• ข. ส่งเสริมและสนับสนุนทีมงาน
• ค. บรรลุความสาเร็จของงานในหน้าที่
• หน้าที่ของผู้นา
• ก. นิยามงานในหน้าที่
• ข. การวางแผน
• ค. การควบคุมหรือจัดการดูแล
• ง. การประเมินผล
• จ. การจูงใจ
• ฉ. การจัดองค์การ
• ช. การทาเป็นตัวอย่าง

11. การนิยามงานในหน้าที่
• งานในหน้าที่ที่ต้องทาให้สาเร็จควรมี :
• ก. ชัดเจน
• ข. เห็นเป็นรูปธรรม
• ค. มีกรอบเวลา
• ง. เป็นจริง
• จ. เป็นสิ่งท้าทาย
• ฉ. สามารถประเมินผลได้

12. หน้าที่ในการวางแผนของผู้นา
• ก. วางแผนและป่าวประกาศ
• ข. ผู้นาแสดงผลงานของตนเอง
• ค. ผู้นาแสดงไอเดียและขอความคิดเห็น
• ง. ผู้นาแสดงแผนที่เน้นไปถึงการเปลี่ยนแปลง
• จ. ผู้นาเกริ่นถึงปัญหา, ขอคาแนะนา,และทาแผน
• ฉ. ผู้นานิยามข้อจากัด ถามทีมงานให้ช่วยวางแผน

13. ผู้นากับหน้าที่ในการจูงใจ
• ผู้นากระทาโดยใช้วิธีให้รางวัล และตระหนักถึงปัญหาคุกคาม
• ทุกคนตอบสนองด้วยพวกเรากันเอง ด้วยความต้องการภายใน
• ผู้นาต้องเข้าใจความต้องการของบุคลากรเพื่อจูงใจพวกเขา
• ใช้หลักแรงจูงใจของอับราฮัม มาสโลว์เพื่อเข้าใจความต้องการ
ของพวกเขา ได้แก่ความต้องการทางกาย, ความมั่นคง.สังคม,
การยกย่อง, ความสาเร็จสุดยอดในชีวิต

14. ทฤษฎีความต้องการของแรงจูงใจ
• ความต้องการ แรงขับ แรงจูงใจ ความพึงพอใจ
ความต้องการ (เป็นวัฏจักร)
• ผู้นากับการจัดองค์การ
• ทาหน้าที่จัดเตรียม,หรือวางรูปแบบในงานทั้งหมด
• รวมโครงสร้าง,ปรับโครงสร้างเพื่อให้ทีมงานปฏิบัติงานไปในแต่ละ
ส่วนงาน
• ผู้จัดองค์การควรคานึงถึงปัจจัยดังนี้คือ
• - ระบบ
• - การบริหาร
• - การบริหารเวลา

15. หน้าที่การทาเป็นตัวอย่างของผู้นา
• - ตัวอย่างสาคัญคือการสื่อข้อความโดยผ่านภาษากายหรือการ
สื่อสารที่มิใช่คาพูด
• - มีความพอใจที่จะเห็นตัวอย่างที่ดีของผู้นา
• - นาโดยตัวอย่างได้แก่การแบกภาระในสิ่งที่เป็นภาวะอันตรายและ
งานที่หนักอึ้ง
• ทาอย่างไรจึงจะพัฒนาตัวเราเองในฐานะผู้นา
• - เตรียมรับภาระหน้าที่ ตั้งใจรับผิดชอบ
• - แสดงตนว่าเกี่ยวข้อง
• - ไว้วางใจลูกน้อง
• - แบ่งความรับผิดชอบ

16. ทาอย่างไรจึงจะพัฒนาตัวเราเองในฐานะผู้นา
• - ให้พนักงานมีส่วนร่วมในงาน
• - รับฟังคนที่ไม่เห็นด้วย
• - ส่งเสริมความกล้าเสี่ยง
• - พยายามทางานให้ง่ายขึ้น
• - มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
• - เป็นผู้เชี่ยวชาญ

17. ทักษะของผู้นา
• การฟัง (Listening)
• การติดต่อสื่อสาร (Communication)
• การตั้งเป้ าหมาย (Goal Setting)
• การวางแผน (Planning)
• การแก้ปัญหา (Problem Solving)
• การประเมินผล (Evaluation)

18. ประสบการณ์ของผู้นา
• ดูจากคนแรก, ทากับคนเดียว, ถ่ายทอดให้เพียงคนหนึ่ง
• แสวงหาโอกาสในการเรียนรู้ในสิ่งที่คุณจะนา
• เรียนรู้จากข้อผิดพลาด,ไม่เสียใจ, ไม่แสดงอาการอ่อนแอ
• เปรียบเทียบ และแบ่งปันในสิ่งที่คุณเรียนรู้
• การแนะแนวทาง (Guidance)
• ตัวอย่าง: คุณต้องการให้คนอื่นเป็นอย่างไร?
• การจูงใจ : ตระหนักและสร้างความเติบโตให้คนอื่น
• การติดต่อสื่อสาร: เป้ าประสงค์,ความคาดหวัง, และผลสาเร็จ
• การตั้งเป้ าหมาย: หากคุณไม่รู้ในสิ่งที่จะเดินไปใหน, จะรู้ได้อย่างไรว่า
มาถึงเป้ าหมายแล้ว
• การวางแผน: ขั้นตอน, ทรัพยากร, ช่วงเวลา,การขีดเส้นตาย,
• การปรึกษาหารือ: แยกแยะปัญหา และหาทางแก้ปัญหา

19. การแสดงเป็นตัวอย่าง (Example)
• จงปฏิบัติในสิ่งที่คุณต้องการให้คนอื่นทาตาม
• ก. ความไว้วางใจได้
• ข. ความซื่อสัตย์
• ค. ความโปร่งใส ตรวจสอบได้
• ง. ความยืดหยุ่น
• จ. มองโลกในแง่บวก

20. การจูงใจ : ตระหนักและสร้างความเติบโตให้คน
อื่น
• ก. ใช้คนให้เหมาะกับงาน
• ข. ส่งเสริมความก้าวหน้า
• ค. ยกย่องชมเชย
• ง. ให้ทรัพยากร
• จ. แบ่งปันในสิ่งที่คุณรู้

21. ทักษะการติดต่อสื่อสารของผู้นา
• เป้ าประสงค์
• - บุคลากรทางานได้ดีขึ้นกว่าเดิมเมื่อเขารู้เหตุผลว่าทาไมต้อง
ทา
• ความคาดหวัง
• - แยกแยะในสิ่งที่คุณต้องการเห็นให้เกิดขึ้น
• - แยกแยะในสิ่งที่คุณคาดหวังให้เกิดขึ้น
• ผลสาเร็จ
• - แยกแยะการตอบสนองของผู้บริหารหากความคาดหวังไม่
บรรลุผล
• - จัดลาดับความสาคัญและตามหลักเหตุผลหรือตรรกะ

22. อุปสรรคในการติดต่อสื่อสาร
• มีประสบการณ์แตกต่างกัน, ไม่มีพื้นฐานร่วมกัน
• - จงรับรู้เข้าใจผู้ฟัง
• ตีความหมายสับสน, กล่าวในสิ่งที่คุณตั้งใจอย่างชัดเจนด้วย
การ
• ก. ระบุเฉพาะเจาะจง
• ข. หลีกเลี่ยงนามธรรม
• ค. แสดงเป็นตัวอย่าง

23. Slide Title
Product A
• Feature 1
• Feature 2
• Feature 3
Product B
• Feature 1
• Feature 2
• Feature 3

24. Did you know?
When you finish your PowerPoint
presentation, you can upload it to:
SlideOnline.com
Congratulations
You can use this free PowerPoint template for
your own presentations. Follow us on Twitter
@ppttemplatenet
PPTTemplate.net
Download More Free PowerPoint Templates
And now what?
You can safely delete this slide, but please consider to read below: